[สยามฟุตบอล]

"ชนินทร์ อัยรักษ์" นายกสมาคมกีฬากระดานโต้คลื่นแห่งประเทศไทย มอบอุปกรณ์กีฬาและกระดานยืนพายรุ่นชะโด ให้กับ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4 เพื่อร่วมกันพัฒนานักกีฬากระดานยืนพายสู้ศึกมหกรรมกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 48


ความเคลื่อนไหวที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4 ภาคใต้ "นายกจุ๊บ" ชนินทร์ อัยรักษ์ นายกสมาคมกีฬากระดานโต้คลื่นแห่งประเทศไทย ได้ทำการส่งมอบอุปกรณ์กีฬาและกระดานยืนพายรุ่นชะโด ให้กับ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4

ทั้งนี้นายชนินทร์ อัยรักษ์ นายกสมาคมกีฬากระดานโต้คลื่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า "การส่งมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4 ในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสนับสนุนด้านอุปกรณ์ในการเล่นกีฬากระดานโต้คลื่นและให้นักกีฬากระดานยืนพายได้ใช้ฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 48 ที่จังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงปีหน้า"

"นอกจากนี้หากประชาชนในพื้นที่มีความสนใจกีฬาชนิดนี้ก็สามารถใช้ฝึกซ้อมหรือใช้พายท่องเที่ยวก็ได้ เพราะบอร์ดชะโดนั้นออกแบบมาเพื่อให้ใช้ได้ทั้งการแข่งขันและท่องเที่ยว ก็ต้องขอขอบคุณการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4 ที่ให้การสนับสนุนสมาคมมาเป็นอย่างดี เชื่อว่าในอนาคตกีฬากระดานโต้คลื่นจะได้รับความนิยมมากขึ้นและต่อยอดพัฒนานักกีฬาไปสู่ความเป็นเลิศได้อย่างแน่นอน"

ด้าน นายพรรณภพ อุ่นเสียม ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4 กล่าวว่า "ต้องขอขอบคุณ สมาคมกีฬากระดานโต้คลื่นแห่งประเทศไทย ที่มอบอุปกรณ์การฝึกซ้อมให้กับเรา ในครั้งนี้ทางสำนักงานจะได้นำไปใช้ในการฝึกซ้อมนักกีฬาต่อไปรวมถึงพี่น้องประชาชนที่สนใจกีฬาชนิดนี้ก็จะได้ลองฝึกซ้อมเพื่อใช้ในการออกกำลังกายด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามนโยบายของท่าน พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาไปสู่ความเป็นเลิศด้วย ทางสนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ พรุค้างคาว พร้อมที่จะสนับสนุนทุกชนิดกีฬาอย่างเต็มที่เพื่อร่วมกันพัฒนาต่อยอดไปสู่ความสำเร็จต่อไปในอนาคต"

สำหรับอุปกรณ์กีฬาที่สมาคมกีฬากระดานโต้คลื่นแห่งประเทศไทย ที่มอบให้กับ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4 ประกอบไปด้วย กระดานยืนพาย รุ่น Shadow One Design หรือบอร์ดชะโด พร้อมอุปกรณ์ครบชุด จำนวน 5 ชุด รวมเป็นมูลค่ากว่าสองแสนบาท