[สยามฟุตบอล]

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูล ต้องเรียกสติลูกทีมกลับคืนมาเพราะพวกเขามีคิวต้องเยือน แอสตัน วิลล่า ที่วิลล่า พาร์ค ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอังคารที่ 10 พฤษภาคมนี้ โดยพวกเขาต้องการเติมความหวังในการลุ้นแชมป์ลีกอีกเฮือกแม้ว่าจะน้อยนิดแต่ยังดีกว่ายอมแพ้ ที่สำคัญยังเป็นการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจก่อนต้องปะทะกับ เชลซี ในนัดชิง เอฟเอ คัพ วันเสาร์ที่ 14 พ.ค. ด้าน "สิงห์ผงาด" จากการนำทัพของกุนซือสตีเว่น เจอร์ราร์ด พร้อมที่จะทำลายฝันของ  "หงส์แดง" ในแมตช์นี้เช่นกัน

1. เติมความหวังลุ้นแชมป์ลีก
    ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างกดดันเหลือเกินหากพวกเขาอยากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ หลังจากที่พวกเขาทำได้เพียงแค่เสมอ สเปอร์ส เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ถล่มยับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทำให้ตอนนี้ "หงส์แดง" ตามหลัง "เรือใบสีฟ้า" 3 คะแนนแถมประตูได้เสียเป็นรองถึง 4 ลูก ฉะนั้นในเกม แอสตัน วิลล่า ไม่ใช่แค่การชนะเพื่อ 3 คะแนนเท่านั้น แต่ยังต้องยิงประตูให้ได้มากที่สุด และพยายามไม่เสียประตู เพื่อที่จะได้มีโอกาสลุ้นกันยาวๆ ไปจนถึงนัดสุดท้ายของซีซั่น ดังนั้น คล็อปป์ จึงต้องเน้นย้ำลูกทีมว่าจะต้องใส่เต็มเหนี่ยวแต่ก็ห้ามประมาทเด็ดขาด เพราะหากเกิดผิดพลาดไม่ชนะในแมตช์นี้ ก็ปิดประตูลุ้นแชมป์ไปได้เลย

2. คูตินโญ่ อันตรายทุกวินาที
    สตีเว่น เจอร์ราร์ด สร้างทัพ "สิงห์ผงาด" ได้ยอดเยี่ยมนับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียน โดยหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พวกเขาฟอร์มโดดเด่นก็คือการได้ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาช่วยสร้างสรรค์เกม โดย "คูตี้" โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดการลงเล่น 15 เกมในลีกพร้อมกับตะบันไป 4 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ แม้ช่วงที่ผ่านอิทธิพลของเขาอาจจะดูลดลงไปบ้าง แถม "สตีวี่จี" ก็ไม่ค่อยให้เขาลงเล่นตัวจริงทำให้ผลงานดร็อปลงไปตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม แต่ด้วยศักยภาพของเจ้าตัว เชื่อว่ายังคงอันตรายเมื่อได้โอกาสลงสนาม นอกจากนี้สิ่งที่ "เดอะ เร้ดส์" ต้องระวังเอาไว้ให้ดีก็คือ แดนนี่ อิงส์ อดีตหัวหอกลิเวอร์พูล เพราะเจ้าตัวมีลุ้นที่จะกลายเป็นนักเตะคนแรกนับตั้งแต่ โรเมลู ลูกากู ในฤดูกาล 2017/2018 ที่สามารถยิงประตูต้นสังกัดเก่า 3 สโมสรได้ในการเล่นเกมพรีเมียร์ลีก



3  เกมนอกบ้าน ลิเวอร์พูล ก็ยังโหด
    "หงส์แดง" ได้ชื่อว่าทำผลงานในการเล่นที่แอนฟิลด์ได้โหดมากๆ ในฤดูกาลนี้ โดยพวกเขาเพิ่งจะเสมอในบ้านเกมพบ สเปอร์ส จากการลงเล่น 13 แมตช์ (ชนะ 12 เกมติดต่อกัน) สำหรับฟอร์มการเล่นนอกบ้านก็ถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะพวกเขาแพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 คาถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นการแพ้เกมเยือนนัดเดียวเท่านั้นที่ยิงประตูไม่ได้ในฤดูกาลนี้ (แพ้เกมเยือน เวสต์แฮม 3-2) ขณะเดียวกันฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ต้องบอกว่าดุดันและน่าเกรงขามเนื่องจากพวกเขาเป็นทีมเดียวใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปที่ไม่แพ้เกมลีกในปี 2022 (ชนะ 13 เสมอ 3 เกม)

4. ขุมกำลังสมบูรณ์แต่อาจต้องมีการปรับเปลี่ยน
    ลิเวอร์พูล ค่อนข้างโชคดีที่ไม่ค่อยมีปัญหานักเตะบาดเจ็บ โดยตอนนี้ คล็อปป์ มีขุมกำลังเต็มอัตราศึกที่สามารถเลือกใช้งานได้อย่างเต็มที่ โดย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กลับมาฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมสังกัดได้แล้ว หลังจากที่อาการบาดเจ็บเท้าหายขาดเป็นปลิดทิ้ง ที่สำคัญทีมไม่มีนักเตะคนไหนบาดเจ็บหลังจบเกมที่เสมอกับ สเปอร์ส เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนในกรณีของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มีความเป็นไปได้ที่จะต้องนั่งดูเพื่อนเล่นในช่วงแรก แต่ไม่ใช่เพราะเขามีปัญหาบาดเจ็บแต่เพราะเจ้าตัวน่าจะมีอาการเหนื่อยล้าซึ่งเห็นได้ชัดในเกมกับ "ไก่เดือยทอง" ทำให้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องเปลี่ยนตัวออกช่วงครึ่งหลัง และส่ง คอสตาส ซิมิกาส ลงไปทำหน้าที่แทน ฉะนั้นการเยือนวิลล่า พาร์ค แฟนบอล "หงส์แดง" คงจะได้เห็นลีลาการเปิดบอลสวยๆ ของ ดาวเตะชาวกรีก ในแมตช์นี้



5. เรียกขวัญกำลังใจก่อนนัดชิงเอฟเอ คัพ
    ในแมตช์นี้ไม่เพียงแค่เป็นการต่ออายุการลุ้นแชมป์ลีกของ ลิเวอร์พูล เท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนการเรียกขวัญกำลังใจให้กับเหล่าขุนพล "หงส์แดง" ที่จะต้องมีคิวดวลกับ เชลซี ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ วันเสาร์ที่ 14 พ.ค.นี้ ช่วงที่ผ่านมาลูกทีมของคล็อปป์ อาจจะสติหลุดไปบ้างจากการเสมอกับ สเปอร์ส ทำให้โอกาสบี้แชมป์พรีเมียร์ลีกกัง แมนฯ ซิตี้ ดูเหมือนจะรีบหรี่ลงก็ตาม ฉะนั้นหากสามารถบุกเก็บสามคะแนนในเกมกับ วิลล่า ได้น่าจะทำให้พวกเขากลับมามีสมาธิ และความฮึกเหิมอีกครั้ง โดยเฉพาะการที่จะต้องปะทะกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" ที่มุ่งมั่นจะแก้แค้น "เดอะ เร้ดส์" จากการต้องพ่ายดวลจุดโทษชิงโทรฟี่คาราบาว คัพ เมื่อปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา อย่าลืมว่าหาก ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้นั่นจะทำให้ความหวังในการลุ้น 4 แชมป์ของพวกเขาในซีซั่นนี้ยังคงอยู่ !!!