เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือทีม ลิเวอร์พูล เปิดปากชี้พอใจกับผลเสมอในเกมบุกมาเยือน เชลซี ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในการทำศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอังคารที่ 4 เม.ย.โดยระบุว่าการโรเตชั่นทีมหกตำแหน่งไม่อาจทำให้เขาคาดหวังถึงการกำราบ สิงห์บลูส์ ได้

คล็อปป์ สร้างความประหลาดใจในการจัดทีมลงบู๊กับ เชลซี เนื่องจากมีการเปลี่ยนทีมจากเกมบุกไปแพ้ แมนฯ ซิตี้ 4-1 มากถึงหกรายโดยเขาได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่าบางรายสมควรได้พัก และบางรายสมควรได้รับโอกาสให้ลงสนามจึงทำให้เขาเผยหลังจบเกมว่าพอใจกับการคว้าหนึ่งแต้มไปจากเศรษฐีลอนดอน

"ทั้งสองทีมเล่นกันในนัดชิงชนะเลิศทั้งสองรายการเมื่อปีก่อน และทั้งสองเกมมีสกอร์ 0-0 ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น วันนี้ทั้งสองทีมมีความมั่นใจที่ลดน้อยลงไป แต่ทั้งสองทีมยังสู้กันอย่างเต็มที่ เราพอใจกับหนึ่งแต้ม เราแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ เราต้องเดินหน้าต่อ" คล็อปป์ ระบุ

"เรากระเสือกกระสนในช่วงต้นเกม แต่เราฟื้นตัวได้ดี เรามีเกมที่ดีขึ้นเรื่อยๆ กองกลางประสานงานกันได้ดี เรามีโอกาสเช่นกัน แต่มันไม่ดีพอ"

"คุณจำเป็นต้องคว้าโอกาสเอาไว้ให้ได้ ผมไม่ได้ผิดหวังกับเรื่องนี้ พวกเขาได้สองประตู แต่ถูกปฏิเสธ ผมไม่ได้คาดหวังว่าการเปลี่ยนทีมหกตำแหน่งแล้วจะทำให้เรามีเกมที่ดีที่สุดในซีซั่น นักเตะที่ได้โอกาสลงเล่นเกมนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อม"

"เราไม่สามารถพูดถึงเป้าหมายของเราได้หากเราเก็บแต้มไม่ได้ เราไม่ได้ยอมแพ้ เราจะต่อสู้ เราสามารถพูดได้เรื่อยเปื่อย แต่เราต้องแสดงให้เห็น เราก้าวเดินไปในทิศทางที่ดีสำหรับคืนนี้"

พอล เมอร์สัน ระบุ เชลซี ควรจะดึง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาเป็นกุนซือคนใหม่ โดยมองว่า ร็อดเจอร์ส มีคุณสมบัติเหมาะทุกประการ

พอล เมอร์สัน อดีตยอดนักเตะของ อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความเห็นว่า เชลซี ควรจะเอา เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่

ร็อดเจอร์ส ซึ่งเคยเป็นกุนซือทั้งระดับเยาวชนและทีมสำรองที่ เชลซี นั้น กลายเป็นคนตกงานเพราะพักหลัง เลสเตอร์ มีผลงานที่เลวร้าย ซึ่งในขณะเดียวกัน เชลซี ก็ตัดสินใจปลด แกรม พ็อตเตอร์ พ้นจากการคุมทีมเหมือนกัน โดยมีกระแสข่าวลือว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" อยากได้ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ มาเป็นนายใหญ่คนใหม่มากที่สุด

เมอร์สัน กล่าวว่า "ผมอยากเห็น เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาอยู่กับ เชลซี ที่จริงจะเป็น ร็อดเจอร์ส หรือ เมาริซิโอ โปเช็ตตโน่ ก็ได้ แต่รายหลังคงจำเป็นต้องทำผลงานให้ดีตั้งแต่ช่วงแรกเลยน่ะนะเมื่อพิจารณาถึงการที่เขาเคยอยู่กับ ท็อตแน่ม ถ้าเขาแพ้ตั้งแต่ 2 เกมแรกน่ะมันก็คงจะเกิดความโกลาหลแน่ๆ"

"ผมเป็นแฟนตัวยงของ ร็อดเจอร์ส มันน่าเสียดายที่การทำงานที่ เลสเตอร์ มันเกิดความผิดพลาดอย่างร้ายแรง ฟุตบอลน่ะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา และพูดกันตามตรงนะ ถ้าเกิดที่ผ่านมา เลสเตอร์ ทำผลงานได้เหมือนกับ ไบรท์ตันฯ ในตอนนี้แล้วล่ะก็ ทุกคนก็คงจะเรียกร้องให้ ร็อดเจอร์ส ไปคุม เชลซี กันแล้ว"

"ร็อดเจอร์ส ถือว่าเหมาะสมทุกข้อ เขาเน้นให้ทีมของตัวเองเล่นเกมบุกเป็นหลัก, เริ่มต้นการเป็นโค้ชกับที่ เชลซี และรู้จักสโมสรเป็นอย่างดี แต่จังหวะเวลาของการลุ้นรับงานกับที่ เชลซี ในตอนนี้มันไม่สวยเท่าไหร่ เพราะเขาเพิ่งโดนปลดกับ เลสเตอร์ ในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนหน้าที่ พ็อตเตอร์ จะโดนไล่ออก"

"แฟนบอล เชลซี คงจะตั้งคำถามว่าทำไมพวกเขาถึงควรจะใช้งานผู้จัดการทีมที่เพิ่งโดนปลดกับที่ เลสเตอร์ แต่ถ้าคุณมองถึงภาพรวมแล้วล่ะก็คุณก็จะเห็นว่า ร็อดเจอร์ส เป็นผู้จัดการทีมที่ดี, เคยผ่านงานกับสโมสรระดับสูงอย่าง ลิเวอร์พูล กับ เซลติก, ได้แชมป์กับที่ เลสเตอร์ และเคยเกือบพาทีมได้สิทธิ์เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ผมคิดว่า ร็อดเจอร์ส คือคนที่ใช่"

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรฟอร์มแรงแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความสนใจอยากได้ตัว เกรกอร์ โคเบล ผู้รักษาประตู โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลัง ดาบิด เด เคอา นายทวารจอมหนึบ ปฏิเสธที่จะขยายสัญญาฉบับใหม่

อนาคตของ นายด่านชาวสแปนิช วัย 32 ซึ่งเตรียมจะหมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้ ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยังไม่มีความแน่นอน แม้ว่า "ปีศาจแดง" พยายามที่จะโน้มน้าวให้ เด เคอา อยู่ร่วมหัวจมท้ายกับสโมสรให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม เด เคอา ตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอในสัญญาใหม่ ซึ่งระบุว่าเขาจำเป็นต้องลดค่าเหนื่อยจากที่ได้รับในปัจจุบันจำนวน 375,000 ปอนด์ (ราว 15.75 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ เพื่อรักษาสมดุลด้านการเงินของทัพ "เสือเหลือง"

จากสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ทีมของกุนซือเอริค เทน ฮาก จำเป็นต้องมองหน้าโกลคนใหม่เตรียมเอาไว้ เพื่อเป็นทางหนีที่ไล่หากเกิดกรณีที่ เด เคอา ตัดสินใจอำลา "โรงละครแห่งความฝัน"

ล่าสุด "บิลด์" สื่อดังในเมืองเบียร์ รายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงความสนใจอยากเซ็นสัญญากับ โคเบล นายด่านปราการสุดท้ายของทัพ "เสือเหลือง" ในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อหวังนำมาแทน เด เคอา หากเขาตัดสินใจย้ายทีม

กระนั้น แมนฯ ยูฯ ต้องเจออุปสรรคพอสมควรเนื่องจาก ดอร์ทมุนด์ ไม่ต้องการขาย โคเบล และพวกเขายังพยายามที่จะจับนายทวารชาวสวิส ต่อสัญญาฉบับใหม่ด้วย กระนั้นหากนักเตะต้องการย้ายทีม งานนี้ "เสือเหลือง" ก็จะยอมขายแต่ต้องได้ค่าตัว 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,890 ล้านบาท)

ทั้งนี้ นายทวารทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งตกเป็นเป้าสนใจจาก "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โชว์ฟอร์มให้กับต้นสังกัดได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ย้ายจาก เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท เมื่อปี 2021

เปิด 10 อันดับค่าตัวประเมินแพงสุดของนักเตะ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ โม ซาลาห์ หล่นไปเป็นรอง หลุยส์ ดิอาซ แล้ว


หลุยส์ ดิอาซ ปีกทีมชาติโคลอมเบีย เป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่มีค่าตัวประเมินแพงสุดในทัพ "หงส์แดง" เวลานี้ ตามรายงานจากเว็บไซต์ ทรานส์เฟอร์มาร์เก็ต โดยอ้างอิงข้อมูลจากทั้งผลงานในสนาม, สัญญา และอายุ เป็นต้น

ดิอาซ วัย 26 ปี มีค่าตัวประเมินอยู่ที่ 66 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,772 ล้านบาท) ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกอียิปต์ หล่นไปอยู่ที่สองร่วมกับ ดาร์วิน นูนเญซ อยู่ที่ 62 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,604 ล้านบาท)

ก่อนหน้านี้ ซาลาห์ วัย 30 ปี เคยมีค่าตัวประเมินสูงถึง 132 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,772 ล้านบาท) ในช่วงระหว่างปี 2018-2020 ที่เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างสุดยอด

10 อันดับค่าตัวประเมินแพงสุดนักเตะ ลิเวอร์พูล

1. หลุยส์ ดิอาซ   66 ล้านปอนด์

2. โม ซาลาห์  62 ล้านปอนด์

2. ดาร์วิน นูนเญซ  62 ล้านปอนด์

4. เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 57 ล้านปอนด์

5. โคดี้ กัคโป  52.7 ล้านปอนด์

6. ดิโอโก้ โชต้า  48.4 ล้านปอนด์

7. แอนดี้ โรเบิร์ตสัน  42.2 ล้านปอนด์

8. อลีสซง เบ็คเกอร์  40 ล้านปอนด์

8. เฟอร์จิล ฟาน ไดค์  40 ล้านปอนด์

8. ฟาบินโญ่   40 ล้านปอนด์

ฟาบิโอ ปาราติชี่ กรรมการผู้จัดการสโมสร ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ออกโรงแจงสาเหตุที่ไม่ตะเพิด คริสเตียน สเตลลินี่ ให้พ้นไปจากทีมตาม อันโตนิโอ คอนเต้ พร้อมทั้งมอบภาระให้ทำหน้าที่กุมบังเหียนแทนเป็นการชั่วคราว ตลอดจนประเด็นที่ ไก่เดือยทอง ยังไม่คิดมองหานายใหญ่คนใหม่ในเร็วๆนี้

สเปอร์ส ตกเป็นข่าวกับ ยูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ อดีตกุนซือทีม บาเยิร์น มิวนิค หลังจากทีมลูกหนังของ พรีเมียร์ลีก ปลด คอนเต้ ออกจากสโมสรเช่นเดียวกับ จานลูก้า น้องชายของเขาซึ่งช่วยงานเขาในเล้าไก่ด้วยเท่านั้น แต่ สเตลลินี่ มือขวาคู่ใจ ตลอดจน ไรอัน เมสัน ไม่ได้ถูกปลดยกแผงเหมือนธรรมเนียมที่สโมสรส่วนใหญ่ปฏิบัติกัน

ขณะเดียวกัน แม้ สเปอร์ส จะตกเป็นข่าวอย่างหนักกับ นาเกิ้ลส์มันน์ แต่ล่าสุดเมื่อ 28 มี.ค.  ปาราติชี่ เคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกแล้วถึงเหตุผลที่สโมสรยังไม่คิดแต่งตั้งนายใหญ่คนใหม่ ตลอดจนการตัดสินใจปลดแค่ คอนเต้ กับน้องชาย

"สำหรับ อันโตนิโอ เรารู้ว่ามันเป็นซีซั่นที่ลำบากสำหรับเขาในทางส่วนตัวทั้งการเสียชีวิตของ จาน ปิเอโร่ เวนโตรเน่ , จานลูก้า วิอัลลี่ และ ซินิซ่า มิไฮไลวิช จากนั้นเขาก็ต้องผ่าตัด" ปาราติชี่ บิ๊กบอสวัย 50 ปีระบุผ่านทวิตเตอร์

"สโมสรสนับสนุนเขาเป็นอย่างดี แต่เรามาถึงจุดที่ตัดสินใจร่วมกัน เราตัดสินใจได้อย่างถูกต้องสำหรับทุกฝ่าย"

"คริสเตียน สเตลลินี่ คุมทีมตอนที่ อันโตนิโอ ป่วยในซีซั่นนี้ และเขามีผลงานดี เขามีประสบการณ์สูงในฐานะมือขวา และการเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ในอดีต"

"เรามี ไรอัน เมสัน ช่วยงานเขาได้มาก เขาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรมานานแล้ว เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสโมสรนี้ และนักเตะทั้งทีม ดังนั้นผมจึงคิดว่าเรามั่นใจในสองคนนี้ว่าจะสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี"

"นักเตะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากรวมถึงแนวทางการซ้อมด้วย การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในอีกสิบนัดที่เหลือจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักเตะ" ปาราติชี่ หมายถึงเป้าหมายการคว้าอันดับสี่ของสโมสร

สุดท้ายแล้ว บิ๊กอิตาเลี่ยนเอ่ยถึงกระแสข่าวลือนายใหญ่คนใหม่ของ ไก่เดือยทอง ว่า "ผมไม่ต้องการพูดถึงโค้ชคนอื่นหรือข่าวลือในสื่อเพราะมันเป็นแค่ข่าวลือ ตอนนี้เราโฟกัสในเรื่องการช่วยเหลือ คริสเตียน,  สตาฟฟ์, ไรอัน และนักเตะ"

เจมี่ เร้ดแน็ปป์ ระบุ สเปอร์ส ไม่ใช่สโมสรที่มีแนวทางที่ดีมานานแล้วจนเหมือนกับไม่ใช่สโมสรที่สร้างขึ้นเพื่อที่จะเป็นแชมป์ พร้อมมองว่าตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาคนที่เป็นกุนซือของ "ไก่เดือยทอง" ไม่ได้มีอำนาจในการทำเรื่องต่างๆ มากนัก

เจมี่ เร้ดแน็ปป์ อดีตดาวเตะคนดัง กล่าวว่า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไม่ใช่สโมสรที่มีวัฒนธรรมเหมาะกับการได้แชมป์มานานแล้ว

สเปอร์ส ไม่ได้แชมป์ระดับเมเจอร์อะไรเลยตั้งแต่ตอนที่ซิวแชมป์ ลีก คัพ เมื่อฤดูกาล 2007-08 ซึ่งตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาใช้งานกุนซือชื่อดังที่เคยประสบความสำเร็จหลายคน แต่คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถนำถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้ อย่างเช่น โชเซ่ มูรินโญ่ และ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เพิ่งแยกทางกับทีมเมื่อไม่กี่วันก่อน

เร้ดแน็ปป์ เผยว่า "ผมไม่แปลกใจสักนิดที่มันไม่ได้ผลสำหรับ คอนเต้ มันเป็นสโมสรที่ทำงานด้วยได้ยาก และมันเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด ถ้าคุณไล่ดูรายชื่อผู้จัดการทีมที่พวกเขาใช้งานตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแล้วล่ะก็ คุณก็จะรู้สึกเลยว่าพวกเขาคงแทบจะเอาหัวชนกำแพงหนาและพบว่ามันเป็นเรื่องยากสุดๆ ที่จะได้สิทธิ์กุมอำนาจอะไรก็ตามของสโมสรแห่งนั้น"

"ทุกอย่างมันแทบจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ แดเนี่ยล เลวี่ เขาอยากทำการตัดสินใจในทุกเรื่อง และผมคิดว่านั่นคือปัญหาใหญ่ของ ท็อตแน่ม ผมคิดว่าวัฒนธรรมต่างๆ ของพวกเขามันถูกกำหนดมาจากคนเบื้องบนอยู่เสมอ"

"การที่พวกเขาร้างแชมป์น่ะมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของสนามเพียงอย่างเดียว ตอนที่ผมเคยเล่นกับที่นั่นผมก็รู้สึกได้เลยว่าพวกเขาไม่ใช่สโมสรที่สร้างขึ้นเพื่อที่จะเป็นแชมป์ มันต่างไปจากวัฒนธรรมที่ผมเคยเจอกับที่ ลิเวอร์พูล"

สเปอร์ส ทีมลูกหนังของ พรีเมียร์ลีก ออกแถลงการณ์ปลด อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมชาว อิตาเลี่ยน ออกจากตำแหน่งแล้วด้วยความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย

สเปอร์ส ถูกสื่อทุกสำนักประโคมข่าวว่ามีความคิดปลด คอนเต้ ออกจากทีมก่อนหมดสัญญาหลังจบซีซั่นนี้เนื่องจากนายใหญ่ชาวเมืองพิซซ่าให้สัมภาษณ์โจมตีนักเตะอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนว่าเล่นกันแบบเห็นแก่ตัวหลังจบเกม พรีเมียร์ลีก นัดบุกไปโดน เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมบ๊วยไล่ตีเสมอ 3-3 ในช่วงทดเวลา

นับจากนั้น คอนเต้ ซึ่งเคยกุมบังเหียน เชลซี  อีกสโมสรในลอนดอนก็บินกลับบ้านเกิดทันทีในช่วงที่มีเกมของทีมชาติเข้ามาแทรก และหลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปนานหลายวัน ในที่สุด ไก่เดือยทอง ก็ประกาศปลดนายใหญ่จอมดีเดือดออกจากทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"เราสามารถประกาศได้ว่า อันโตนิโอ คอนเต้ หัวหน้าโค้ชอำลาสโมสรไปแล้วด้วยความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย เราประสบความสำเร็จได้เล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นแรกของเขากับสโมสร เราขอขอบคุณ อันโตนิโอ สำหรับความทุ่มเท และเราขออวยพรให้เขาโชคดีในอนาคต" ไก่เดือยทอง ระบุเมื่อ 26 มี.ค. พร้อมเผยว่า คริสเตียน สเตลลินี่ มือขวาของ คอนเต้ จะทำหน้าที่คุมทีมเป็นการชั่วคราวไปจนจบซีซั่นโดยมี ไรอัน เมสัน สตาฟฟ์โค้ชรับบทผู้ช่วย

ด้าน แดเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรเอ่ยตามมาว่า "เรามีเกม พรีเมียร์ลีก เหลืออีกสิบนัด และเราต้องต่อสู้เพื่อคว้าอันดับไปเล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก เราจำเป็นต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ทุกคนต้องก้าวออกมาเพื่อทำให้สโมสรของเราคว้าอันดับสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อตอบแทนแฟนบอลที่จงรักภักดี"

ทั้งนี้ คอนเต้ ซึ่งเข้ามารับงานแทน นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ เมื่อเดือนพ.ย.2021 กุมบังเหียน สเปอร์ส เป็นเวลา 18 เดือนก่อนตกเก้าอี้โดยล่าสุดทีมดังของกรุงลอนดอนยังรั้งอันดับสี่ของตาราง พรีเมียร์ลีก แต่ลงเล่นมากกว่า นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับห้าสองนัด และมีแต้มมากกว่า สาลิกาดง สองแต้ม

เปิดชื่อ 7 นักเตะ ลิเวอร์พูล ที่เจ็บและป่วยก่อนกลับมาเล่นเกมลีกกับ แมนฯ ซิตี้ ต้นเดือนหน้า มี 2 รายอดลงสนามแน่ หลังปิดเทอมไปก่อนเพื่อนแล้ว

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ต้องเจองานหนักทันทีหลังผ่านช่วงเบรกทีมชาติ เมื่อมีโปรแกรมต้องออกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม วันเสาร์ที่ 1 เมษายนนี้

ในเวลานี้มีนักเตะ "หงส์แดง" ที่เจ็บหรือป่วยตั้งแต่ก่อนเบรกทีมชาติและระหว่างกลับไปรับใช้ชาติอยู่ 7 รายดังนี้ 

1. ดาร์วิน นูนเญซ - ข้อเท้า

นูนเญซ มีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ทำให้ต้องถอนตัวจากทีมชาติอุรุกวัย ในเกมกระชับมิตรกับ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ไม่ได้รุนแรงมากนักทำให้ยังมีโอกาสที่จะหายทันลงเจอ แมนฯ ซิตี้

2. หลุยส์ ดิอาซ

ปีกทีมชาติโคลอมเบีย ไม่ได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา หลังบาดเจ็บหนักที่หัวเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และคาดว่าจะกลับมาช่วยทีมได้หลังผ่านช่วงเบรกทีมชาติ

3. ติอาโก้ อัลกันตาร่า - สะโพก

ติอาโก้ ไม่ได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ตลอดแปดเกมหลังสุดเนื่องจากบาดเจ็บที่สะโพก และเป็นอีกรายที่คาดว่าจะกลับมาได้หลังผ่านช่วงเบรกทีมชาติ

4. สเตฟาน บายเซติช - ต้นขา

มิดฟิลด์ดาวรุ่งหมดสิทธิ์ลงเล่นให้ทีมไปตลอดช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้แล้วหลังมีอาการบาดเจ็บรบกวนก่อนหน้าเกมที่พบกับ เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง

5. คาลวิน แรมซี่ย์ - หัวเข่า

แบ็กขวาดาวรุ่งชาวสกอตแลนด์ บาดเจ็บหัวเข่าและเข้ารับการผ่าตัดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องปิดฉากฤดูกาลนี้ไปแล้ว 

6. โจ โกเมซ - กล้ามเนื้อหลังต้นขา

โกเมซ บาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาตั้งแต่เกมที่เจอกับ เรอัล มาดริด แต่คาดว่านักเตะพร้อมกลับมาเป็นตัวเลือกในเกมพบ แมนฯ ซิตี้

7. โคดี้ กัคโป - ป่วย

กัคโป มีอาการป่วยหลังไวรัสระบาดในแคมป์เก็บตัวทีมชาติเนเธอร์แลนด์ จนต้องถอนตัวจากชุดคัดยูโร 2024 สองนัดแรก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะหายทันลงดวล "เรือใบสีฟ้า"

ถ้าไม่ใช่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีทีมไหนบ้างอยากจบเส้นทางชีวิตนักเตะด้วย ราฟาแอล วาราน มีคำตอบมาให้แล้วมีในใจแค่ 2 สโมสรเท่านั้น

ราฟาแอล วาราน ปราการหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า มีสองสโมสรที่ตัวเองมีโอกาสจะแขวนสตั๊ดด้วยนั่นก็คือ เรอัล มาดริด กับ ล็องส์ หากต้องอำลา "ปีศาจแดง" ในอนาคต

วาราน วัย 29 ปี ตัดสินใจประกาศเลิกเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส เพื่อรักษาสภาพร่างกาย และทุ่มเทให้กับต้นสังกัด หลังจากที่วงการลูกหนังในปัจจุบันมีโปรแกรมลงเตะมากเกินไป ส่งผลให้ต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจมากเกินขีดจำกัด

ดาวเตะน้ำหอมให้สัมภาษณ์กับนิตยสารจีคิวว่า "ผมจะยุติเส้นทางอาชีพของตัวเองไม่กับ เรอัล มาดริด หรือ แมนเชสเตอร์ หรือ ล็องส์ ผมจะไม่ย้ายไปเล่นให้ที่ไหนนอกเหนือจากสโมสรเหล่านี้"

"อย่างไรก็ตาม มาดริด ดูซับซ้อนสำหรับผม นักเตะส่วนใหญ่ไม่ค่อยกลับไปที่นั่น ดังนั้นผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากสุดในวันนี้คือ ผมจะจบเส้นทางอาชีพนักเตะกับ แมนเชสเตอร์ ไม่ก็ ล็องส์" วาราน เผย

ทั้งนี้ วาราน เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งกับ ล็องส์ ก่อนย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2011 จากนั้นก็โยกมาเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2021 ด้วยค่าตัว 42 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,764 ล้านบาท) และเป็นกำลังหลักของ เอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ในฤดูกาลนี้

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ระบุ หลายคนคาดกันมานานแล้วว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด จะเป็นนักเตะที่เก่งคนหนึ่ง พร้อมเชื่อว่า แรชฟอร์ด ถูกใจในการทำงานร่วมกับ เอริค เทน ฮาก มากๆ

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตยอดกองหน้าชาวดัตช์ กล่าวว่าทุกคนรู้กันตั้งนานแล้วว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่โดดเด่นได้

แรชฟอร์ด กำลังทำผลงานได้ร้อนแรงในฤดูกาลนี้ด้วยการทำไป 27 ประตูจากการลงเล่น 44 นัดในทุกรายการ ทำให้นี่เป็นซีซั่นที่เขายิงได้เยอะที่สุดในอาชีพการค้าแข้งเป็นที่เรียบร้อย

ฟาน เพอร์ซี่ ซึ่งตอนนี้เป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของ เฟเยนูร์ด ทีมดังในฮอลแลนด์ เผยว่า "คุณจะเห็นได้เลยว่าตอนนี้เขาอาจจะกำลังมีฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา จากแนวทางการเล่นของเขาแล้วน่ะเขาดูฟิตมากๆ, มีความมุ่งมั่นสุดดๆ และดูสนุกกับการเล่น ตอนนี้เขามีความทุ่มเทสูง"

"ทุกคนรู้ตั้งแต่ตอนที่เขายังอายุน้อยๆ แล้ว (ว่า แรชฟอร์ด จะเป็นนักเตะที่เก่ง) เพราะเขาก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้ตั้งแต่ตอนที่ยังอายุน้อยๆ ทุกคนรู้ดีตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเขาเป็นนักเตะที่เก่งมากแค่ไหน แน่นอนว่าตอนนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ แต่คุณจะเห็นได้เลยว่าตอนนี้ทุกอย่างมันลงล็อกมากๆ ซึ่งส่วนหนึ่งมันมาจากตัวเขาเอง, ส่วนหนึ่งมาจากโค้ช และส่วนหนึ่งมาจากเพื่อนร่วมทีม"

"ถ้าคุณลองดูการประสานงานของเขากับ แฟร์นันด์ส แล้วล่ะก็ คุณก็จะเห็นว่ามันเป็นการประสานงานกันที่พิเศษ ตลอดอาชีพการเล่นของคุณน่ะมันจะมีนักเตะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเล่นเข้าขากับคุณแบบนั้นได้ ตอนนี้เขามีแบบนั้นแล้ว และเขาก็น่าจะทำผลงานได้ดีขึ้นต่อไปเรื่อยๆ"

"จากมุมมองของคนเป็นโค้ชแล้วนั้นการได้ทำงานร่วมกับนักเตะแบบ แรชฟอร์ด ดูเป็นอะไรที่สนุกมากๆ แต่อีกทางหนึ่งมันก็เป็นแบบเดียวกัน ผมมั่นใจว่า แรชฟอร์ด มีความสุขในการทำงานกับ เอริค อย่างมาก คุณจะเห็นได้เลยว่าเขาเติบโตขึ้น และมีความมั่นใจ คุณจะสัมผัสได้เลยว่าไม่ว่าจะต้องเจอกับใครแต่เขาก็จะทำประตูหรือมีส่วนสำคัญกับผลการแข่งขันได้เกือบทุกนัด"