(https://static.thairath.co.th/media/dFQROr7oWzulq5Fa4MvAYF6RSE0M7HbRvySU36dqo0F0DSpSZFgzCaGSdFbo2NjkfV0.jpg)
ได้คู่ชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2021–2022 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยโดยจะเป็นการพบกันของ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากแดนกระทิงดุ เจ้าของแชมป์รายการนี้ 13 สมัย จะดวลกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์ 6 สมัย จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในวันที่ 28 พ.ค.นี้ ณ สังเวียนสตาด เดอ ฟรองซ์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
การผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศของทั้งเรอัล มาดริดและลิเวอร์พูลนั้น มีอะไรที่คล้ายกันนั่นก็คือเกือบเอาตัวไม่รอดในรอบตัดเชือกนัดสอง
โดยทั้งสองโดนคู่ต่อสู้นำก่อนและมีโอกาสที่จะตกรอบได้เลย แต่สุดท้ายก็ยังฮึดกลับมาพลิกเข้ารอบได้อย่างหวุดหวิด
เริ่มจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แม้ว่าจะชนะมาก่อนในเกมแรก 2-0 การออกมาเยือนบีญาร์เรอัล นัดสองหลายคนก็มองว่าง่าย แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น
ในครึ่งแรกอยู่ดีๆ "หงส์แดง" ก็ฟอร์มหลุดไปซะดื้อๆ โดนบีญาร์เรอัลยิงขึ้นนำไป 2-0 ทำให้สกอร์รวมสองนัดตามมาตีเสมอ 2-2 ซึ่งถ้าครึ่งแรกลูกทีมของอูไน เอเมรี สามารถปิดจ๊อบลูกที่สามได้ละก็เชื่อว่าลิเวอร์พูลคงไม่ได้หลุดเข้ามาถึงรอบชิงได้แน่
แต่กลายเป็นทางบีญาร์เรอัลที่ไม่สามารถยิงลูกที่ 3 ได้ พอกลับมาเล่นในครึ่งหลังเป็นหนังคนละม้วนเลย "หงส์แดง" ที่ได้รับยาแรงจาก เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือชาวเยอรมันตอนพักครึ่งกลับมาสู่ฟอร์มเดิมๆอีกครั้ง
ครึ่งหลังพลพรรค "หงส์แดง" กลับมายิง 3 เม็ดรวด พลิกแซงชนะไปได้ 3-2 รวมผลสองนัดยอดทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 5-2
เช่นเดียวกับคู่ระหว่างเรอัล มาดริด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ในเกมนัดสอง "เรือใบสีฟ้า" ออกนำไปก่อนในนาทีที่ 73 จากริยาด มาห์เรซ ปีกชาวแอลจีเรียน ซึ่งตอนนี้ทำให้สกอร์รวม แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 5-3 โอกาสเข้ารอบค่อนข้างสดใส
หลังจากนั้น "เรือใบสีฟ้า" ก็มีโอกาสที่จะปิดเกมหรือขึ้นนำเป็น 2-0 แต่ก็ทำไม่ได้จนเกมดำเนินมาถึงนาทีสุดท้ายเกมทำท่าจะจบลงด้วยคู่ชิงชนะเลิศเป็นลิเวอร์พูลกับแมนฯ ซิตี้
แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อโรดรีโก กองหน้าชาวแซมบ้าก็มายิงให้เรอัล มาดริด ตีเสมอเป็น 1-1 ทำให้สกอร์รวมตามหลังอยู่ 4-5 ถ้าจบสกอร์นี้ แมนฯ ซิตี้ ก็ยังได้เปรียบ
เมื่อโดนตีเสมอแนวรับซิตี้ ก็เกิดช็อตทันทีนาทีถัดมาก็ปล่อยให้โรดรีโก คนเดิมกระโดดโหม่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้เรอัล มาดริด ชนะไปได้ 2-1 สกอร์รวมสองนัดเสมอกัน 5-5 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป
หลังโดน 2 ลูกติดๆไป "เรือใบ" ก็ยังไม่ฟื้นมาเสียจุดโทษอีกก่อนเป็นคาริม เบนเซมา ดาวยิงฟอร์มร้อนชาวฝรั่งเศสซัดเข้าไปเป็นประตูที่ 43 ของเจ้าตัวในการลงเล่น 43 นัดรวมทุกรายการในซีซันนี้ จบเกม เรอัล มาดริด ชนะ 3-1 รวมผลสองนัดผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์รวม 6-5
เรียกว่าน่าเสียดายแทนผู้แพ้ทั้งสองทีมทั้ง บีญาร์เรอัล กับแมนฯ ซิตี้ เพราะมีโอกาสที่จะเดินทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยกันทั้งคู่อีกแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น
แต่ทั้งสองก็ไม่สามารถจะฆ่าคู่ต่อสู้ของตัวเองทั้งลิเวอร์พูลกับเรอัล มาดริด ลงได้ในดาบเดียว
เมื่อทำไม่ได้ก็โดนดาบนั้นมาฟันตัวเองจบชีวิต (ตกรอบ) ปล่อยให้แมวเก้าชีวิตอย่าง "หงส์แดง" และ "ราชันชุดขาว" ไปเสวยสุขในนัดชิงฯแทน!!