(https://img.pptvhd36.com/thumbor/2022/04/14/news-a1db10332b.jpg)
แมนฯซิตี้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดการปะทะกันทั้งในและนอกสนาม เหตุเกิดในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม
หลังจากที่แมนฯซิตี้เปิดบ้านเอาชนะแอต.มาดริดไปได้ก่อน 1-0 ในเลกแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยในเลกสองที่สอง แอต.มาดริดต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของซิตี้ แต่ได้เกิดเหตุความวุ่นวายในนาทีที่ 88 จากจังหวะที่ สเตฟาน ซาวิช เป็นตัวเริ่มจุดชนวนให้เกิดวิวาทกันโดยการลากฟิล โฟเดนที่ได้รับบาดเจ็บให้ออกจากสนาม เพื่อต้องการให้ทีมได้เล่นต่อ
การกระทำนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ปะทะของทั้งสองทีม จนทำให้ผู้ตัดสิน ต้องแจกใบเหลืองให้ที่สองให้กับซาวิช ทำให้แอต.มาดริดต้องเหลือ 10 คน
(https://img.pptvhd36.com/thumbor/2022/04/14/8669bd8187.jpg)
หลังจบเกมเกิดการปะทะกันในอุโมงค์อีกครั้ง โดยเป็นการปะทะระหว่างซาวิชและแจ็ค กรีลิช จนตำรวจ 4 นายต้องเข้ามาระงับเหตุการรณ์ดังกล่าว
ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำหนิพฤติกรรมของแอตเลติโกใน BT Sport ว่า: "เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผมคิดว่าเราเคยเห็นจากผู้เล่น แอต.มาดริดบางคน พวกเขาควรจะละอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะซาวิช"
"พวกเขาทำให้แมนฯ ซิตี้ เล่นในแบบที่เราไม่ได้เห็นพวกเขาเล่นมาเป็นเวลานาน ดึงพวกเขาออกจากจังหวะของเกม แอต.มาดริดทำได้ดีที่สามารถทำให้ซิตี้ไม่ได้เล่นในเกมแบบที่เขาต้องการ ซึ่งทำได้ยากแต่พวกเขาทำได้ แต่บางอย่างในช่วงท้ายเกม ไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากเห็น"
โจเลียน เลสคอตต์ กล่าวเสริมว่า: "โดยรวมแล้วแอต.มาดริด ทำได้ดีในเลกที่สอง แต่ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ พูดตามตรง ซิเมโอเน่ ต้องรับผิดชอบเพราะเขาดูเหมือนจะสนับสนุนพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมาะสม มันไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากเห็นจากโค้ชระดับท็อป ผู้จัดการทีมชั้นยอด"